ช็อควงการไปตามๆกันเมื่อเลห์แมน บราเธอร์ส สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของอเมริกาที่อยู่มา ๑๕๘ ปีต้องมาถึงคราวล้มละลายไปในปีนี้ เรื่องราวและรายละเอียดของการ “เจ๊ง” ครั้งนี้ผมเชื่อว่าคงได้อ่านและฟังจากสื่อต่างๆกันไปเยอะแล้ว วันนี้ผมขอเอาอดีตเมื่อไม่นานมานี้มาเล่าให้ฟังก็แล้วกัน
เมื่อครั้ง “ต้มยำกุ้งไครซิส” ยังให้รสเผ็ดร้อนแผ่ซ่านในปากคนไทยทั่วประเทศอยู่นั้น สถาบันการเงินที่มีปัญหา ๕๖ แห่งถูกทางการสั่งปิดไป หลังจากนั้นก็ได้มีการจัดตั้ง องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ขึ้นมาจัดการสินทรัพย์ทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่ (แปลว่า “ขาย”) เพื่อที่จะได้เอาเงินไปชำระคืนเจ้าหนี้ทั้งหลาย โดยปรส.ได้จัดการจำแนกสินทรัพย์และสินเชื่อทั้งหมดที่มีอยู่ออกเป็นประเภทต่างๆ บ้างก็เป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ บ้างก็สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อธุรกิจ ไปจนถึงอาคารและงานศิลป์ทั้งหลาย
ทีนี้เราจะพูดกันถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยอย่างเดียวก่อน ด้วยความที่การจัดการกับสินทรัพย์ขนาดนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย (ย้อนไปถึงยุคสยามประเทศ กรุงศรีอยุธยาและสุโขทัยก็น่าจะยังไม่เคยมี) ปรส.ก็เลยต้องจ้างที่ปรึกษามาช่วยว่าควรจะทำยังไงกันดี เลือกไปเลือกมาก็ได้ที่ปรึกษาที่ชื่อ เลห์แมน บราเธอร์ส นี่แหละเข้ามาช่วยกันคิดว่าจะเอาสินเชื่อตั้งหลายหมื่นหลายแสนบัญชีแยกออกเป็นกลุ่มๆยังไงดี เพื่อที่เวลาประมูลจะได้ได้ราคาดีที่สุด
เสร็จแล้วก็จัดการประมูล…
เรื่องมันก็น่าจะแฮปปี้เอนดิ้ง สุขสมอารมณ์หมายด้วยกันทุกฝ่ายใช่ไหมครับ? แต่เปล่าเลย เพราะคนที่ชนะการประมูลที่จัดขึ้นคือ เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง ชื่อคุ้นไหมครับ? กลายเป็นว่างานนี้เลห์แมน บราเธอร์สสวมหมวกที่ปรึกษาด้วยแล้วก็ส่งอีกบริษัทนึงเข้ามาประมูลแข่งกับชาวบ้านด้วย
เอ๊ะ อย่างนี้มันไม่คอนฟลิกต์ ออฟ อินเทอร์เรสต์ รึไง? (แปลเป็นไทยได้ว่า “ไม่หน้าด้านไปหน่อยเหรอ พี่น้อง”) ตัวเองเป็นที่ปรึกษาย่อมรู้ข้อมูลมากกว่าชาวบ้านเขาหมด แล้วเข้ามาประมูลเสียเองอย่างนี้มีกั๊กข้อมูลเอาไว้บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้
หลังจากที่ประมูลได้ไปแล้ว เลห์แมนฯคนดีก็ไปขูดรีดเอากับลูกหนี้อีกต่อหนึ่ง ลองถามคนที่เคยถูกขายให้เป็นลูกหนี้เลห์แมนฯสมัยนั้นดูเถอะว่าถึงใจพระเดชพระคุณขนาดไหน
วันนี้โดนเองบ้างก็สมแล้ว