เปลี่ยนจากรถใหม่ป้ายแดงเป็นคอนโดฯกลางเมืองดีกว่าไหม?

ช่วงนี้กำลังมีงานมหกรรมขายรถครั้งยิ่งใหญ่ประจำปีของประเทศไทยเราจัดอยู่ที่ไบเทค บางนา ค่ายรถแต่ละค่ายก็โหมโฆษณาพร้อมทั้งอัดโปรโมชั่นกันน่าดู เล่นเอาน้องในทีมผมเริ่มหวั่นไหว ร่ำๆจะกำเงินออกไปดาวน์เสียวันนี้พรุ่งนี้แล้ว

จนผมเตือนสติมันด้วยประโยคข้างบนนั่นแหละครับ

ไม่ได้ห้ามนะครับ แค่ชี้ให้ลองมองอีกด้านนึงแค่นั้นเอง ถ้าฟังแล้วคิดแล้วยังจะซื้อรถอยู่ก็ตามสบาย (ก็เงินของมันนี่นา ของผมสักบาทก็ไม่ใช่) หลังจากเอื้อนเอ่ยประโยคที่ว่าแล้ว ผมอธิบายให้มันฟังว่า ตอนนี้เอ็งอายุก็เกือบจะ ๓๐ แล้ว มีแฟนคบกันมาก็ตั้งหลายปี อีกไม่นานก็คงจะแต่งงานกัน วันนี้เอ็งยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ถ้าแต่งงานแล้วจะไปอยู่ไหนวะ? อาศัยพ่อแม่อยู่ต่อเรอะ มึงไม่อายเรอะ? หรือจะไปเช่าหออยู่? ทำไมไม่เอาเงินที่จะซื้อรถนี่เปลี่ยนไปซื้อคอนโดฯแทนวะ เลือกเอาที่มันอยู่ใกล้รถไฟฟ้า ไปมาสะดวก ไม่ต้องใช้รถด้วย

ถ้าเอ็งซื้อรถวันนี้ไม่ได้เสียแค่ค่าผ่อนรถอย่างเดียว มีค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรถ ค่าประกัน ค่าบำรุงรักษาด้วยนะเว้ย แล้วพอผ่อนครบ ๔ ปี มูลค่ามันก็ตกเหลืออยู่ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเอ็งเอาไปซื้อคอนโด แพงกว่าก็จริง ผ่อนนานกว่าก็จริง แต่ราคาไม่ตกนะเว้ย ซื้อแล้วก็อยู่ได้ ไม่ต้องไปเช่าหอ ไม่อยู่ก็ปล่อยเช่าได้ เดินทางก็สะดวก ไม่ต้องขับรถให้วุ่นวายปวดหัว คิดดูนะเว้ย

มันฟังแล้วก็อึ้งๆนิดหน่อยนะครับ ไม่รู้ว่ามันกำลังคิดหรือไม่รู้จะปฏิเสธผมยังไงดีกันแน่

เอิ๊กกกก…

หุ้นกู้ควอลิตี้ เฮ้าส์ อายุ ๓ ปี ดอกเบี้ย ๔.๒๕%

สำหรับคนที่มีเงินเย็นๆ แล้วไม่พอใจอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารตอนนี้ แถมยังมีทีท่าว่าจะลดลงอีกตามแนวโน้มที่ “ผู้รู้” ทั้งหลายท่านคาดคะเนเอาไว้ ลองพิจารณาหุ้นกู้ดูครับ เท่าที่เห็นตอนนี้ก็มีหุ้นกู้บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ (ในเครือแลนด์แอนด์เฮ้าส์) กำลังจะเปิดขาย มี ๒ รุ่น อายุ ๓ ปีให้ดอกเบี้ย ๔.๒๕% ต่อปี และแบบ ๔ ปี จ่ายดอกเบี้ย ๓ ปีแรกอัตรา ๔.๒๕% ต่อปี และปีที่ ๔ จ่าย ๔.๗๐% จ่ายดอกเบี้ยทุก ๓ เดือนครับ

เริ่มขายตั้งแต่วันที่ ๑๑ ถึง ๑๓ มีนาคมนี้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา อ้อ…ขั้นต่ำต้อง ๑ แสนบาทขึ้นไปนะครับ

เอิ๊กกกก…

อยากเป็นเจ้าของโรงแรมย่านสุขุมวิท ต้องกองทุนนี้เลยครับ

กองทุนรวมควอลิตี้ ฮอสพิทอลลิตี้ เห็นชื่ออย่างนี้ ไม่ใช่กองทุนโรงพยาบาลนะครับ เป็นโรงแรมอมารี บูเลอวาร์ด ที่อยู่แถวๆถนนสุขุมวิท ซอย ๕ ใกล้ๆสถานีรถไฟฟ้า BTS นานา

รายละเอียดก็คือ กองทุนนี้จะไปซื้อสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารของโรงแรมที่ว่าเป็นเวลา ๓๐ ปี โดยที่โรงแรมนี้มีทั้งหมด ๓๑๕ ห้อง มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยระหว่างปี ๒๕๔๕-๒๕๔๙ อยู่ที่ ๗๘% บริหารงานโดยกลุ่มอมารี เพราะฉะนั้นคุณภาพบริการก็น่าจะเชื่อถือได้ระดับหนึ่ง คนที่บริหารกองทุนก็เจ้าเก่าขาใหญ่ในวงการกองทุนอสังหาฯครับ บลจ.ไอเอ็นจี ผู้บริหารบอกว่า เจ้าของโรงแรมมีการรับประกันค่าเช่าขั้นต่ำ ๕ ปีแรก โดย ๒ ปีแรกประมาณ ๑๗๓ ล้านบาท อีก ๓ ปีถัดไป ๑๖๓ ล้านบาท (ตรงนี้พูดไม่ชัด แต่ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นต่อปีนะครับ ไม่ใช่รวม ๒ ปีหรือ ๓ ปี ถ้าใครสนใจก็อย่าลืมถามตรงนี้ให้มั่นใจก่อนซื้อ)

เปิดขายตั้งแต่ ๓ ถึง ๑๑ มีนาคมนี้ที่ธนาคารทหารไทยทุกสาขาและที่บลจ.ไอเอ็นจี ยอดซื้อขั้นต่ำ ๒,๐๐๐ บาทขึ้นไปนะครับ อ้อ มูลค่ากองทุนทั้งหมดที่เปิดขาย ๑,๙๑๓ ล้านบาทครับ เอาไปคิดคำนวณผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์กันเอาเอง

ฮิ้ววววว…

ถ้าสนใจคอนโดฯย่านพญาไท-ราชเทวี เตรียมเงินได้เลยครับ

นอกจากย่านปิ่นเกล้าจะมีโครงการคอนโดมิเนียมมาขึ้นกันคึกคักน่าดูแล้ว ช่วงนี้รู้สึกแถวพญาไท-ราชเทวีก็ไม่เบานะครับ ของเดิมก็มีอยู่แล้ว ๒-๓ โครงการด้วยกัน มีอะไรบ้าง ก็มีปทุมวันรีสอร์ท ของเอพีที่มาเป็นเจ้าแรกๆ มีบ้านปทุมวันที่อยู่ตรงข้ามกัน มีของโนเบิล (ตอนนี้เปลี่ยนมือไปแล้ว) อยู่ตรงแยกที่กำลังขึ้นตึกสูงของอาจารย์อุ๊ (เคมีอาจารย์อุ๊นั่นแหละครับ) แล้วก็มีฝั่งตรงข้ามกับโนเบิลอีกตึก อันนี้รู้สึกจะชื่อ พญาไทเพลสหรือไงนี่แหละ (อายุไม่ใช่น้อยๆแล้วอ่า…หลงๆลืมๆบ้างก็เป็นธรรมดา)

ถ้าใครเคยเสียดายว่า รู้งี๊…ตอนนั้นซื้อเอาไว้ก็ดี ตอนนี้ถือว่าทำเลดีมากเลยเนี่ย ไม่ต้องเสียดายครับ โอกาสรอบสองกลับมาแล้ว เพราะตอนนี้หลายเจ้าประกาศตัวเตรียมขึ้นคอนโดฯแถวนี้กันพรึ่บพรั่บ ที่ประกาศไปแล้วขายไปแล้ว (แต่ยังกั๊กไว้ส่วนนึง หรือขายไม่หมดก็ไม่รู้) ก็ของทีซีซี แคปปิตอลแลนด์ ของเสี่ยเจริญเขา ขึ้นแน่ๆตรงข้ามตึกพญาไทพลาซ่า แล้วก็ยังมี ideo เจ้านี้น้องใหม่มาแรงจริงๆ ทุ่มเงินซื้อตึกแถวริมถนน เตรียมทุบทิ้งขึ้นคอนโดฯใหม่อีกแท่งนึง อยู่ตรงข้ามปทุมวันรีสอร์ท

ถ้าเดินต่อมาทางแยกพญาไท เลี้ยวขวาไปนิดนึง the victory กำลังจะเปิดขายเร็วๆนี้ อยู่เยื้องๆโรงพยาบาลพญาไท ๑ ผมลองนึกดูเล่นๆว่าจุดขายมีอะไรบ้าง ข้อแรกก็อยู่ใกล้โรงเรียนศรีอยุธยา ตามมาด้วยโรงพยาบาลพญาไท อีกอันไม่รู้จะเป็นจุดขายได้ไหม อยู่ใกล้อาบอบนวดครับ (ฮ่า…)

แล้วยังมีโครงการใหม่เห็นล้อมรั้วเอาไว้แล้ว แต่ยังไม่ขึ้นป้าย (แล้วผมทะลึ่งไปรู้มาได้ไงฟะ?) เป็นของเอพีเจ้าเก่า อยู่ตรงข้ามสถานีตำรวจพญาไทครับ โครงการนี้น่าจะอุ่นใจ เพราะอยู่ใกล้ทั้งตำรวจทั้งทหาร (กรมแพทย์ทหารบก) ถ้าทหารกับตำรวจไม่ตีกันเองก็คงปลอดภัยล่ะครับ ฮิ้ววววว…

LPN ที่ปิ่นเกล้าขายหมดในวันเดียว

เท็จจริงประการใดไม่ทราบนะครับ แต่เห็นข่าวเริ่มลงในหนังสือพิมพ์กันบ้างแล้วว่า โครงการแอลพีเอ็น สวีท ที่ปิ่นเกล้า (โครงการที่ ๓ ของแอลพีเอ็นในย่านปิ่นเกล้า) ขายหมดทั้ง ๕๔๗ ยูนิตภายในวันเดียว นี่ขนาดตารางเมตรละ ๖ หมื่นบาทนะครับ โฮ่ โฮ่…

แ�ลพีเ�็น สวีท ปิ่นเกล้า

ไหน ไหน ใครว่าคนไทยไม่มีตังค์ ใครว่าเศรษฐกิจไม่ดี หุหุ…

อ้อ เพิ่มเติมอีกนิดนึง วันก่อนผมไปเดินที่เซ็นทรัล ทาวน์ รัตนาธิเบศร์ (เดิมชื่อ จัสโก้ รัตนาธิเบศร์ แต่ทางเซ็นทรัลเขาซื้อมาทำใหม่) เห็นเขาเริ่มมาประกาศขายโครงการใหม่ที่จะขึ้นย่านถนนรัตนาธิเบศร์แล้วนะครับ เรียกว่าขายรอโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ (คาดว่า) จะเสร็จอีก ๓ ปีข้างหน้าโน่นแน่ะ (ถ้ามันสร้างเสียทีนะครับ)

กองทุนอสังหาฯกองใหม่จากบลจ.วรรณ

ยุคนี้จะว่าไปแล้ว นอกจากกองทุน FIF ที่เอาเงินบาทไปลงทุนเมืองนอกก็เห็นจะมีกองทุนอสังหาริมทรัพย์นี่ล่ะครับที่ฮิตกันน่าดู เมื่อวันก่อนทางบลจ.วรรณเขาบอกว่าเตรียมจะออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์กองใหม่ งวดนี้เป็นบ้านเดี่ยวของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ในโครงการเพอร์เฟค เพลส สุวรรณภูมิ-รามคำแหง กับเอกมัย-รามคำแหง รวม ๖๐ หลัง ข่าวไม่ได้บอกมาเหมือนกันว่า จะเอาบ้าน ๖๐ หลังที่ว่าไปทำอะไร แต่ผมเดาเอาเองว่าน่าจะเอาไปปล่อยเช่า เหมือนกองทุนอสังหาริมทรัพย์แสนสิริ (SIRIPF)

เขารับประกันว่าจะจ่ายผลตอบแทนให้ในอัตรา ๗.๕% ต่อปี เป็นเวลา ๕ ปีด้วยกัน จะเริ่มเปิดขายตั้งแต่วันที่ ๑๑ ถึง ๑๘ ธันวาคมนี้นะครับ ใครสนใจก็เชิญได้

ปล.หรือใครจะลองมองอีกมุมนึง ลองดูหุ้นพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคจะน่าสนใจเหมือนกันไหม เพราะขายบ้านได้ทีเดียว ๖๐ หลังเหนาะๆเลยนา

สงสัยย่านปิ่นเกล้าจะรถติดไปอีกนาน

รู้สึกว่าย่านปิ่นเกล้าฮิตเป็นพิเศษนะครับช่วงนี้ นอกจาก LPN จะมาขึ้นคอนโดฯไป ๓ แท่งแล้ว (จริงๆขึ้นไป ๒ รออยู่อีก ๑) ยังมีเจ้าอื่นๆอีกหลายราย ไม่นับเทสโก้ โลตัสที่กำลังเร่งมือกันอย่างหนักเพื่อจะเปิดให้ทันต้นปีหน้า ล่าสุด กลุ่มทุนอสังหาฯจากฮ่องกงขนเงินมาลงทุนจะขึ้นโครงการหลายหมื่นล้านที่ย่านนี้เหมือนกัน ประเดิมด้วยคอนโดฯในชื่อ บางกอกคานส์ (อันนี้ผมขอแนะนำเป็นการส่วนตัวว่า สาวโสดไม่ควรมาอยู่ที่นี่เด็ดขาด ชื่อไม่เป็นมงคลครับ) จะเป็นคอนโดฯรวม ๗ แท่ง ทั้งหมด ๒ พันกว่ายูนิต (ลงโฆษณาแล้วครับ คุยว่าราคาถูกที่สุดในย่านนี้ คือ ๒๙,๙๐๐ บาทต่อตารางเมตร เริ่มต้นที่ เกือบๆ ๙ แสนบาท) เสร็จแล้วยังจะขึ้นช็อปปิ้งคอมเพล็กซ์กันอีก

โอ้…ท่าจะรอดยาก รถไฟฟ้าก็คงเอาไม่อยู่ เอิ๊กกกก…

เกือบไปแล้ว…เกือบเป็นหนี้ก้อนใหญ่อีกหน

เพิ่งโพสต์ไปไม่นานนี้เองว่าหลังจากผ่านพ้นช่วงต้มยำกุ้งมาได้ผมก็ทำตัวให้เบามาตลอด หนี้สินอะไรที่มี ก็เคลียร์จนหมด หลังจากนั้นก็เลิกก่อหนี้ ใช้ชีวิตแบบที่นักการตลาดทั้งหลายคงขัดใจกันน่าดู แต่เพิ่งไม่กี่วันนี้เองที่ผมกับผบ.ทบต้องมานั่งคุยกันเป็นจริงเป็นจังว่าเราจะก่อหนี้ก้อนใหญ่กันอีกทีไหม?

เรื่องมันเริ่มมาจากผมเปลี่ยนที่ทำงานมาได้สักเดือนสองเดือนแล้วครับ แล้วที่ทำงานใหม่นี่มันไกลจากที่เดิมเอาเรื่องอยู่ ทำให้ทุกวันนี้ผมต้องตื่นนอนเร็วขึ้นกว่าเดิม แล้วต้องใช้เวลาเดินทางไป-กลับที่ทำงานวันละ 4 ถึง 4 ชั่วโมงครึ่ง (พระเจ้าจอร์จ เรื่องจริงนะ ไม่ได้โม้!!) กลับมาถึงบ้านแต่ละวันแทบหมดเรี่ยวหมดแรง อย่าว่าแต่จะอ่านหนังสือเลย แค่ดูทีวียังหลับคาจอจนเลิกดูไปแล้ว (ยังคิดอยู่ว่าจะยกเลิกยูบีซีดีไหม?) ด้วยเหตุนี้เองเราก็เลยมาคิดกันว่า มันจะดีกว่าไหมถ้าเราจะย้ายบ้านเข้าใกล้ที่ทำงานมากกว่านี้ ซึ่งแน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นต้องก่อหนี้กันอีกหน

หลังจากพิจารณาทางเลือกทั้งหลายทั้งปวง เราตัดคอนโดฯในเมืองออก ทั้งๆที่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุด แต่เนื่องจากเรามีหมาเป็นลูกอยู่ตัวหนึ่งและไม่สามารถตัดใจเอามันไปให้คนอื่นเลี้ยงได้ (โดยเฉพาะเมื่อมองตาใสซื่อบริสุทธิ์ของมัน ถึงแม้ว่าพฤติกรรมจะเปรตขัดกับการแสดงออกอย่างยิ่งก็ตาม) ทางเลือกรองลงมาก็คือทาวน์เฮ้าส์ในเมือง ด้วยงบประมาณที่เราสามารถจะผ่อนไหว ก็ไม่ได้ในเมืองเท่ากับคอนโดฯ แต่ก็ร่นระยะทางและเวลาในการเดินทางจากปัจจุบันไปได้เยอะพอสมควร

หลังจากเปิดเว็บดูข้อมูล โทรศัพท์ไปถามที่โครงการและขับรถไปดูมาบางโครงการ ผมกับผบ.ทบก็มานั่งคิดจริงๆจังๆกันอีกครั้ง คำถามสำคัญที่สุดคือ จะเอาจริงไหม?

สุดท้าย ไม่เอาครับ เหตุผลสำคัญก็คือ การก่อหนี้ครั้งนี้จะทำให้แผนการเก็บเงินเพื่อเกษียณอายุของเราต้องช้าออกไป 4 ถึง 5 ปี เวลาเท่านี้สำหรับบางคนอาจจะดูเล็กน้อย แต่สำหรับผบ.ทบผมแล้วทำใจยากครับ ก็เลยสรุปกันว่า ลองดูอีกสักพักก็แล้วกัน อาจจะชินไปเองก็ได้น่า ประหยัดเงินไปได้หลายตังค์อยู่ ถ้าเหนื่อยหรือเมื่อยนักก็แบ่งเงินไปนวด (แผนโบราณนะครับ) บ้างก็ไม่เลว เอาไปหาอะไรอร่อยๆกินให้บ่อยขึ้นก็น่าสนใจอยู่

ระหว่างนี้ถ้าขับรถแล้วเจอชายหนุ่มขับรถเก่าๆอายุร่วม 10 ปีชักช้าขวางทางอยู่บนถนนก็เมตตาเขาหน่อยนะครับ อย่าไปบีบแตรไล่เขาเลย เขาเหนื่อยจากการเดินทางน่ะครับ เฮ้อออออ….

เดี๋ยวนี้กู้เงินแบงก์ 3 วันก็รู้ผล

ผมห่างหายจากการกู้เงินแบงก์ไปนานมาก (ครั้งสุดท้ายก็ตอนรีไฟแนนซ์บ้านนั่นแหละครับ) ก็เลยไม่ได้รู้เรื่องเลยว่า ถ้าเรายื่นเรื่องขอกู้เงินซื้อบ้านเดี๋ยวนี้แบงก์เขาใช้เวลาพิจารณาแค่ 3 วันก็รู้ผลแล้วนะครับ (จากข้อมูลที่เจ้าหน้าที่บอกน้องสาวผมมา) สมัยที่ผมกู้นั่นน่ะ จำได้ว่าประมาณเดือนนึง เป็นหนึ่งเดือนที่ต้องลุ้นตุ๊มๆต่อมๆ ว่าคำขอตูจะผ่านไหม ถ้าไม่ผ่านตูจะไปขอที่ไหน กังวลไปสารพัด โชคดีที่ผ่าน

ต้องถือว่าเดี๋ยวนี้ระบบงานและขั้นตอนการพิจารณาสินเชื่อของแบงก์ดีขึ้นเยอะนะครับ ยังไม่นับถึงคุณภาพการบริการ (ซึ่งผมก็ยังหาเรื่องมาบ่นได้อยู่ดี) ถ้ายังจำกันได้ สมัยก่อนมีบางแบงก์ที่ถูกลูกค้าตั้งสโลแกนให้ว่า “จะฝากจะถอนเอาหมอนมาด้วย” คงไม่ต้องอธิบายนะครับ เห็นภาพชัดเจน ส่วนหนึ่งผมขอยกความดีให้กับวิกฤตต้มยำกุ้งครับ เพราะวิกฤตครั้งนั้นทำให้หลายแบงก์ต้องเปิดทางให้สถาบันการเงินต่างชาติเข้ามาถือหุ้น ก็เลยได้เทคโนโลยีและโนว์ฮาวการบริหารจัดการแบงก์แบบสากลเข้ามาปรับปรุงการทำงาน

อีกส่วนหนึ่งก็คือ วิกฤตครั้งนั้นทำให้ผู้บริหารแบงก์ตระหนักได้ว่า จะทำงานกันแบบเดิมๆไม่ได้อีกแล้ว มันจะเจ๊งเอาง่ายๆ (ถ้ายังจำกันได้ เมื่อก่อนถ้าใครจะขอสินเชื่อแบงก์ มีวลีที่ว่า “no land, no loan” คือ แบงก์ไม่ได้ดูความเป็นไปได้ของโครงการกันเลย ดูแต่หลักทรัพย์ค้ำประกันอย่างเดียว แต่สุดท้ายถึงได้หลักทรัพย์ไปก็เอาตัวไม่รอดอยู่ดี)

มาถึงวันนี้ก็ถือว่าแบงก์ไทยปรับตัวมาได้พอสมควรแล้วนะครับ

ชักจะกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย

เมื่อวานตอนเย็นๆกำลังนอนมีความสุขอยู่ที่บ้าน น้องสาวแท้ๆของผมโทรมาบอกว่า ตอนนี้อยู่ที่หมู่บ้าน*** ของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ มาดูแล้วชอบมาก (บ้านสร้างเสร็จแล้ว ตามนโยบายของแลนด์ฯ) ราคาก็ซื้อได้ ชอบมากกว่าโครงการที่เคยไปดูก่อนหน้านี้อีก พี่ว่าไง? (น้องสาวผมคนนี้เริ่มเบื่อการอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมมาระยะหนึ่งแล้วครับ ก็เลยเริ่มเมียงมองหาบ้านของตัวเองมาได้สักพักแล้ว)

ผมจะไปทำไงได้ ก็ต้องทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดี (บ้างไม่ดีบ้าง) ก็เตือนไปว่า ไอ้บ้านที่เอ็งกำลังปลื้มอยู่น่ะ มันต้องขับรถไปทำงานตั้ง 50 กว่ากิโลนะเว้ย ต้องโดนค่าน้ำมันเท่าไหร่เนี่ย มันบอกว่าคำนวณแล้วอยู่ในงบ

ผมก็ถามเรื่องทิศทางของบ้าน หันหน้าไปหลังไปทางไหน ก็ยังไม่ถูกสเปคซะเท่าไหร่ ก็บอกไปว่า เออ รออาทิตย์หน้าเด่ะ เด๋วจะไปช่วยดูให้ มันบอกไม่ได้แล้ว เพราะเซลส์บอกว่าเหลือ (พื้นที่ขนาดนี้) หลังเดียว แล้วถ้าจองภายในเดือนนี้จะได้โปรโมชั่นบริษัทจะออกค่าธรรมเนียมตะหวักตะบวยอะไรไม่รู้ให้ด้วย (แล้วทำไมมึงไม่รอเฟสใหม่ฟะ?)

ผมก็เตือนไปว่า เฮ้ย ไม่ต้องรีบ ซื้อของใหญ่ ราคาขนาดนี้ ทำเป็นซื้อของทีวีไดเร็กต์ไปได้ ประมาณ ถ้าคุณโทรมาภายใน 10 นาทีนี้ เอาไปเลย 3 ชุด คิดครึ่งราคา อะไรอย่างนั้น ความที่น้องผมเป็นวัยรุ่นใจร้อน (เหมือนพี่มัน แฮ่…) และเหมือนกับคำโบราณที่ว่าไว้ น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือเข้าไปขวาง สุดท้ายโดนจนได้ วางเงินจองไปแล้ว เฮ้อ…

วางสายจากน้อง ผมก็มานั่งนึกว่า เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ผมซื้อทาวน์เฮ้าส์หลังที่อยู่ทุกวันนี้เอาตอนเศรษฐกิจมันพีคพอดี ซื้อเสร็จรอก่อสร้าง พอโอนปั๊บก็เรียบร้อยครับ รัฐบาลท่านลดค่าเงินบาท (ถึงแม้จะบอกว่าให้ค่าเงินบาทลอยตัวก็เถอะ) ผมต้องก้มหน้าก้มตาทำงานใช้หนี้ก้อนโตที่สุดในชีวิตอยู่นานกว่าจะผ่านมาได้

ผ่านจากวิกฤตมาสิบปี น้องสาวผมกำลังจะซื้อบ้าน หวังว่างวดนี้ประวัติศาสตร์คงไม่ซ้ำรอยกับครอบครัวผมอีกรอบนะครับ (คนเดียวก็ช้ำพอแล้ว)