Blog Tag -> Black Tog ของ mymoney

มาแล้ว เมื่อวานเพิ่งนั่งดูข้อมูลเรื่อง blog tag อยู่หยกๆ ยังนึกอยู่เลยว่าคงไม่มีใครยิงมาโดนเราแน่ ยังนึกเสียดายอยู่เลยว่าเรื่อง hip hip อย่างนี้เราไม่น่าพลาด ได้การเลย มาเช้านี้เจอเข้าแล้ว ต้องขอบคุณคุณ heronop ที่ส่งต่อจดหมายลูกโซ่ตัวนี้มาให้

แต่พอโดนเข้าจริงๆก็ต้องนั่งนิ่งไปพักใหญ่ เอ… ชีวิตเรามันก็ธรรมดาเหลือเกิน จะหาเรื่องอะไรมาเล่าให้คนเขาอ่านกันได้ เรื่องที่เตรียมมากะจะมาโพสต์วันนี้ขอพักไว้เดี๋ยว นั่งนึกเรื่อง blog tag black tog นี่ก่อน

5 เรื่องใช่ไหม เอาล่ะ เพื่อให้เข้ากับ theme ของบล็อกนี้ด้วย เอาเรื่องที่มันเป็นเงินๆทองๆหน่อยละกัน

1. ผมคงเหมือนเด็กไทยทั่วไปที่มีบัญชีแบงก์แห่งแรกเป็นธนาคารออมสิน สาขาที่ผมเปิดอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ จำไม่ได้แล้วว่าชื่อสาขาอะไร ตั้งอยู่ตรงเชิงสะพานนวรัตน์ ใกล้ๆกับโรงเรียนคำเที่ยงน่ะครับ (ถ้าคนเชียงใหม่มีโอกาสได้มาอ่านเจอ รบกวนช่วยคอนเฟิร์มชื่อสาขานิดนึง ขอบคุณล่วงหน้าครับ) ตอนนั้นฝากเงินแล้วจะได้การ์ดใบเท่าไพ่ 1 ใบ การ์ดพวกนี้จะทำเป็นชุดๆ ให้ข้อมูลที่น่าสนใจมาก เท่าที่จำได้ จะมีชุดนก ผมกับเพื่อนๆก็มาเก็บแข่งกัน ใครจะมีมากกว่ากัน ใครมีซ้ำก็มาแลกกับเพื่อน ประมาณเดียวกับที่ฝรั่งเขาเก็บเบสบอลการ์ดกันน่ะครับ

2.พอโตขึ้นมาเรียนม.ปลาย ธนาคารไทยพาณิชย์เอาระบบเอทีเอ็มเข้ามาให้บริการ ผมก็ไม่พลาดไปเปิดบัญชีเอาไว้เลยเพื่อจะทำบัตรเอทีเอ็ม ตอนนั้นเปิดบัญชีด้วยเงิน 100 บาท แล้วได้บัตรมาพกใส่กระเป๋าตังค์ทำเท่ (ทั้งๆที่ไม่มีเงิน) แล้วก็ไม่รู้จะเอาบัตรมาทำอะไรด้วย เพราะเงินค่าขนมก็ได้เป็นรายวัน ได้มาก็กินเกือบหมดแล้ว เหลือนิดๆหน่อยๆเก็บไว้จนได้เป็นก้อนแล้วเอาไปฝากเข้าบัญชีผ่านเอทีเอ็มนี่แหละ (ตอนนั้นเอทีเอ็มฝากเงินได้ด้วย มีซองให้ใส่เงินใส่เข้าไปในเครื่องแล้วจะมีเจ้าหน้าที่เอาไปทำรายการให้อีกที) พอรวบรวมได้เป็นก้อนก็ใช้เอทีเอ็มไปถอนเอามาซื้อของ ก็ใช้อยู่แค่นี้แต่ความรู้สึกตอนนั้นมันเท่เหลือเกิน

3.ผมมาทำบัตรเครดิตตอนที่ทำงานได้สัก 2 ปี บัตรใบแรกก็คือกสิกรไทย (ยังไม่เป็น kbank) เพราะออฟฟิศใช้บัญชีที่นี่ก็เลยขอได้ง่าย บัตรใบนี้ต้องเรียกว่ามีบุญคุณกับผมมากในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ต้มยำกุ้งไครซิส เพราะตอนนั้นผมโดนลดเงินเดือน 30% เท่านั้นยังไม่พอ เงินเดือนยังออกบ้างไม่ออกบ้าง ผมต้องใช้วิธีไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตทีละ 300 บาทนิดหน่อยเพื่อลดการใช้เงินสด (ที่ต้องถึง 300 ก็เพราะยอดขั้นต่ำที่รับบัตรเครดิตคือ 300 บาท) แล้วตอนสิ้นเดือนก็ไปชำระตามยอดขั้นต่ำ ที่เหลือก็ต๊ะไว้ก่อน ยอมเสียดอกเบี้ยไป ทำอยู่อย่างนี้จนกระทั่งยอดหนี้คงค้างปริ่มๆจะเต็มวงเงิน (50,000 บาท) เหลืออีกไม่กี่ร้อยก็เต็ม แต่ยังโชคดีที่เอาตัวรอดมาได้ แถมยังไม่เสียเครดิต แต่เสียดอกอ่วมอยู่เหมือนกัน (เพราะฉะนั้นผมขอแนะนำสำหรับน้องๆที่เพิ่งเริ่มทำงานและยังไม่มีบัตรเครดิตนะครับ สถานการณ์เศรษฐกิจไม่แน่นอนอย่างนี้ทำเผื่อไว้สักใบก็ดีนะครับเอาไว้เป็นเงินสำรอง แต่ใช้เป็นเงินสำรองจริงๆนะครับ อย่ารูดเรื่อยเปื่อย)

4.ต่อเนื่องจากต้มยำกุ้งไครซิส ชีวิตผมช่วงนั้นแทบไม่ได้พัก เพราะยังต้องผ่อนบ้านผ่อนรถ เงินเดือนลดแต่งานเพิ่ม เพราะบริษัทเอาคนออก เอางานมาเพิ่มให้คนที่เหลือ ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ผมก็ต้องไปตระเวนเปิดท้ายขายของ หาเงินสดมาใช้จ่ายในแต่ละวัน ชีวิตนี้ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเป็นพ่อค้าก็ต้องมาทำ แฟนผมเกลียดการเป็นเซลส์ยังกะอะไรดีก็ต้องมาช่วยกัน เหนื่อยแทบขาดใจ ตื่นแต่เช้าขนของขึ้นรถ ขับรถไกลแค่ไหนก็ไป มีทั้งที่เมืองเอก รังสิต ถนอมมิตรปาร์ค ซอยวัชรพล ฟิวเจอร์ปาร์ค บางแค จัสโก้ รัตนาธิเบศร์ ยังมีอีกหลายที่นึกไม่ออกแล้ว จนสุดท้ายตัดสินใจเลิกเพราะคนขายมีมากกว่าคนซื้อ กำไรที่ได้ไม่คุ้มเหนื่อย หักค่าของค่าที่ค่าน้ำมันค่าข้าวแล้วเหลือกำไรวันนึง 30-40 บาท นั่งมองหน้ากับแฟน เลิกเหอะ

5.หลังจากผ่านช่วงนั้นมาได้ ผมกับแฟนตั้งปณิธานแน่วแน่ ชีวิตนี้กูจะไม่ยอมอยู่ในสภาพนั้นอีกแล้ว ทำบัญชีค่าใช้จ่ายให้เห็นออกมาเลยว่าเดือนๆนึงเงินเข้าเท่าไหร่ ออกเท่าไหร่ ใช้ตรงไหนบ้าง จะประหยัดตรงไหนได้ ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงิน ปลดหนี้บัตรเครดิตก่อน เพราะไอ้นี่ดอกสูงสุด หมดบัตรเครดิตยังเหลือบ้านกับรถ รถนี่มันดอกเบี้ยคงที่อยู่แล้ว จ่ายเท่าที่กำหนดก็พอ ส่วนบ้าน แบงก์มันไม่ยอมลดดอกเบี้ยให้เลยทั้งๆที่เราเป็นลูกค้าชั้นดีมาตลอด จัดการรีไฟแนนซ์ซะ หาแบงก์ใหม่ดอกเบี้ยถูกลง แต่ละเดือนมีเงินเหลือเท่าไหร่เอามาโปะบ้าน โบนัสออกเท่าไหร่ไม่ใช้ซักบาท โปะบ้านทั้งหมดจนพนักงานแบงก์ถาม ทำไมพี่จ่ายเยอะจัง สุดท้ายจ่ายบ้านหมดก่อนกำหนด ปลอดหนี้โดยสิ้นเชิง สบายใจ ตัวเบา ไม่ก่อหนี้อะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว รถอายุ 10 ปีแต่สภาพยังดี ก็ไม่เปลี่ยนใหม่ บ้านเป็นทาวน์เฮ้าส์หลังเล็กๆก็อยู่ได้ ไม่ want ไปอยู่บ้านเดี่ยว (จริงๆก็ want แต่ไม่อยากเป็นหนี้) ทำตัวให้เบาที่สุด ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก คราวนี้ก็สบายแล้ว มีประสบการณ์

นี่แหละเรื่องราวของผมครับ

ทีนี้จะส่งต่อให้ใครดี pated, bickboon, soilmatter, kasidech และ tomwork

จะรออ่านนะครับ

สวัสดีปีใหม่ทุกคนครับ

จากเหตุการณ์ Taiwan Effect ประกอบกับโอกาสในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของผมในช่วงนี้มีไม่มากนัก ก็เลยขออนุญาตพักการโพสต์บล็อกเอาไว้จนกว่าจะถึงปีใหม่นะครับ พร้อมกันนี้ก็ขอสวัสดีปีใหม่ทุกคนล่วงหน้าครับ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายอำนวยพรให้ทุกท่านแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ไข้ ถ้าคิดดีทำดีก็ขอให้เจริญรุ่งเรืองและขอให้ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในปี 2550 ทุกท่านครับ

สวัสดีปีใหม่ครับ

powered by performancing firefox